Hotline: (+66)98 764 7222

PrEP คืออะไร? ยาป้องกัน HIV ทางเลือกของการดูแลสุขภาพทางเพศ

PrEP คือ ป้องกัน hiv ได้จริงไหม

ปัจจุบัน PrEP กลายเป็นทางเลือกสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะ สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำในการยุติการแพร่ระบาดของเชื้อ HIV ทั่วโลก ซึ่งบทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับยา PrEP อย่างละเอียดว่าคืออะไร เหมาะกับใคร และมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง พร้อมวิธีการกินยา PrEP ให้มีประสิทธิภาพที่สูงสุด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบคอบก่อนเริ่มใช้ยา

ยา PrEP คือยาอะไร

ยา PrEP คือยาอะไร? ยา PrEP หรือ Pre-Exposure Prophylaxis คือ ยาที่ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อ HIV ซึ่งในปัจจุบันมียา PrEP ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)  อยู่ 2 สูตร โดยยา PrEP ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย และเป็นที่นิยมมีดังต่อไปนี้

  • ยา PrEP ที่มีส่วนประกอบระหว่างตัวยา Tenofovir Disoproxil Fumarate (TDF) และ Emtricitabine (FTC) ซึ่งถือเป็นสูตรยา PrEP รุ่นแรก โดยยา PrEP ที่ใช้ส่วนผสมของตัวยานี้ได้แก่ Truvada®, TENO-EM และ TENOF-EM  โดยที่แบรนด์ TEMO-EM เป็นแบรนด์ที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรมของประเทศไทย
  • สูตรยา PrEP รุ่นใหม่ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา แห่งสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการผสมระหว่างตัวยา Tenofovir Alafenamide (TAF) และ Emtricitabine (FTC) ซึ่งจะลดโอกาสการเป็นพิษต่อตับและไตของผู้รับประทานยาเป็นประจำได้มากขึ้นกว่ายา PrEP รุ่นแรก โดยยา PrEP ที่ใช้ส่วนผสมของตัวยานี้ ได้แก่ Descovy® 

ยา PrEP VS. ยา PEP ต่างกันอย่างไร

PEP PrEP

PEP (Post Exposure Prophylaxis) และ PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) ล้วนเป็นยาที่ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อ HIV ทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม การใช้ยา PrEP และ ยา PEP จะแตกต่างกันที่จุดในการเกิดความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับเชื้อ HIV 

ยา PEP (Post Exposure Prophylaxis) เป็นการป้องกันฉุกเฉินหลังจากมีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อ HIV  ซึ่งจำเป็นต้องได้รับยาภายใน 72 ชั่วโมง และต้องกินต่อเนื่องเป็นเวลา 28 วัน เมื่อเกิดความเสี่ยงที่จะสัมผัสเชื้อ HIV แล้ว การที่ได้รับยา PEP เร็วเท่าไร การที่ตัวยา PEP จะยิ่งทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น

ในขณะที่ PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นการป้องกันการติดเชื้อ HIV แต่ ไม่ใช่แบบฉุกเฉิน แต่เป็นการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การกินแบบรายวัน (Daily Dose) และแบบตามความต้องการ หรือ แบบเฉพาะช่วง (On-demand Dose) อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การใช้ยา PrEP เป็นไปได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา 

การกินยา PrEP เหมาะกับใครบ้าง

ยา PrEP เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ HIV ดังนี้ 

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน
  • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • ผู้ที่มีคู่นอนที่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV
  • ผู้ที่ขายบริการทางเพศ
  • ผู้ที่ใช้สารเสพติดและใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
  • ผู้ที่เคยได้รับยา PEP (ยาป้องกันการติดเชื้อ HIV หลังสัมผัส) อย่างต่อเนื่อง และยังคงมีพฤติกรรมเสี่ยง

การกินยา PrEP ไม่เหมาะกับใครบ้าง

ผู้ที่ไม่ควรกินยา PrEP และควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีลดความเสี่ยงในรูปแบบอื่น มีดังนี้

  • ผู้ติดเชื้อ HIV อยู่แล้ว รวมถึงผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอื่นๆ เช่น ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว และผู้ที่รับเคมีบำบัด เป็นต้น
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง และโรคไตเรื้อรัง เป็นต้น
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา หรือ แพ้ยาต้านไวรัสกลุ่ม NRTIs เช่น Tenofovir หรือ Emtricitabine หรือยาต้านไวรัสชนิด ARV เป็นต้น

การกินยาจะป้องกันจากการติดเชื้อ HIV ได้มากแค่ไหน

ยา PrEP นับว่าเป็นการป้องกันการติดเชื้อ HIV ที่มีประสิทธิภาพสูงเกือบ 100% เมื่อรับประทานเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการป้องกันนั้น ขึ้นอยู่กับวินัยในการรับประทานยา ซึ่งจำเป็นต้องรับประทานยา PrEP ให้ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ร่างกายได้รับยาในปริมาณที่เพียงพอและต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การใช้ถุงยางอนามัยควบคู่ไปด้วยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย

ข้อดี-ข้อเสียของการกินยา

  • ข้อดี: เป็นวิธีป้องกันการติดเชื้อ HIV ที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ มีผลการวิจัยที่สนับสนุนการใช้ยา PrEP ตีพิมพ์ออกมาแล้วมากมาย ซึ่งยา PrEP สามารถใช้ร่วมกับวิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ ได้โดยไม่มีอันตราย 
  • ข้อเสีย: อาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ หลังจากเริ่มทานยา PrEP ในช่วงแรก เช่น อาการคลื่นไส้, ปวดหัว และปวดท้อง ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้น ภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากรับประทานยาเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม หากกังวลเกี่ยวผลข้างเคียงของการใช้ยาใดๆ โปรดติดต่อแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม 

ยา PrEP รับได้ที่ไหน ราคาเท่าไร

บุคคลทั่วไปสามารถขอรับยา PrEP ได้ที่สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ โดยราคายา PrEP จะแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานพยาบาล โดยที่  Z by Zeniq สามารถให้บริการแบบครบวงจร ทั้งการประเมินความเสี่ยง การให้คำปรึกษา และรับยา PrEP ได้ภายในวันเดียวกัน

ก่อนกินยาต้องทำอย่างไรบ้าง

การเริ่มกินยา PrEP จำเป็นต้องผ่านการตรวจอย่างละเอียดก่อน โดยต้องได้รับการตรวจหาเชื้อ HIV รวมถึงการตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของอวัยวะสำคัญ โดยเฉพาะตับและไต เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายพร้อมสำหรับการใช้ยา 

เมื่อเริ่มการใช้ยา PrEP แล้ว แพทย์จะมีการนัดติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยแพทย์นัดตรวจร่างกายหลังจากการเริ่มใช้ยา PrEP และเจาะเลือด เพื่อติดตาม และ ประเมินการใช้ยา PrEP ให้เหมาะสมทุกๆ 3 เดือน ซึ่งการติดตามผลนี้จะดำเนินไปจนกว่าผู้ใช้จะต้องการหยุดการใช้ยา PrEP เพื่อให้มั่นใจว่าการกินยา PrEP มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพตลอดระยะเวลาการรักษา

กินยา PrEP อย่างไรให้ถูกวิธี

วิธีกินยา prep

ยา PrEP เป็นยาที่มีส่วนประกอบของตัวยา 2 ชนิด (TDF+FTC หรือ TAF+FTC) อยู่ในเม็ดเดียวกัน โดยปริมาณของยาแต่ละชนิดจะถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน (Fixed Dose Combination) โดยสามารถเลือกใช้ได้ 2 วิธี ดังนี้

วิธีการกินแบบ Daily PrEP

การกินยา PrEP แบบ Daily PrEP จำเป็นต้องเริ่มกินล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนการสัมผัสความเสี่ยง โดยต้องกินยาวันละ 1 เม็ด ในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้เลือดมีระดับความเข้มข้นของยาที่เพียงพอกับการป้องกันการติดเชื้อ HIV  โดยที่แพทย์จะมีการนัดติดตามอาการทุกๆ 3 เดือน เพื่อติดตามผลข้างเคียงของการใช้ยา PrEP และคัดกรองการติดเชื้อ HIV ระหว่างการกินยา ก่อนที่แพทย์จะพิจารณาจ่ายยาต่อในครั้งถัดไป 

ทั้งนี้ ผู้ใช้ควรกินยาอย่างต่อเนื่อง หากยังมีความเสี่ยงอยู่  และแม้ว่าจะหมดความเสี่ยงที่จะสัมผัสเชื้อ HIV แล้ว ก็ไม่ควรหยุดยาทันที ควรกินยา PrEP อย่างต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หรือ ตามคำแนะนำของแพทย์ และเข้ารับการตรวจคัดกรองเชื้อ HIV อีกครั้ง เมื่อตรวจไม่พบการติดเชื้อ HIV จึงจะสามารถหยุดการกินยาได้อย่างปลอดภัย 

วิธีการกินแบบ On Demand PrEP

การกินยา PrEP แบบ On Demand PrEP เป็นรูปแบบการกินที่เฉพาะเจาะจง โดยเริ่มจากการกินยา 2 เม็ดพร้อมกัน ในช่วงเวลา 2-24 ชั่วโมง ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ หรือก่อนการสัมผัสความเสี่ยง หลังจากนั้น ผู้ใช้จะต้องกินยาต่อเนื่องในขนาด 1 เม็ดต่อวัน และจะต้องกินต่อไปอีก 2 วันหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย (เป็นแบบ 24 ชั่วโมงต่อโดส) หรือ หลังจากหมดความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับการป้องกันอย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ

หากลืมกินยา PrEP ต้องทำอย่างไร

หากลืมกินยา Prep ต้องทำอย่างไร

หากลืมกินยา ควรเข้ามาพบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำวิธีการกินยาให้เหมาะสมตามแต่ละบุคคล

กินยาแล้วยังต้องสวมถุงยางหรือไม่

แม้ว่ายา PrEP จะสามารถป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้เกือบ 100% แต่ยา PrEP ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ ดังนั้น แนะนำให้กินยา PrEP ควบคู่ กับการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ครอบคลุม และปลอดภัยที่สุด

กินยา PrEP จะอันตรายหรือไม่ ผลข้างเคียงอย่างไร

ยา PrEP เป็นยาที่มีความปลอดภัยสูง อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย โดยเฉพาะใน 2-3 วันแรก เพราะร่างกายยังไม่คุ้นชินกับตัวยา ซึ่งอาจแสดงออกในรูปแบบของ อาการอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้ อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น ผู้ใช้ยาจึงสามารถใช้ชีวิต และทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม การกินยาอาจมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ในบางราย (เป็นจำนวนน้อย) ซึ่งจำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังผลกระทบต่อการทำงานของไต และการสูญเสียมวลกระดูกที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่กินยา PrEP จึงควรเข้ารับการตรวจการทำงานของไตอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือน

ยา PrEP มีรูปแบบฉีดหรือไม่

PrEP รูปแบบฉีดในปัจจุบันถูกใช้อยู่บ้างในอเมริกาและยุโรปบางประเทศ  สำหรับในประเทศไทย ยา PrEP ในรูปแบบฉีด ยังคงอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัยในแง่ของผลลัพธ์และความปลอดภัยระยะยาว อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาและวิจัย พบว่า ยา PrEP แบบเม็ดที่กินอย่างถูกต้องตามแพทย์แนะนำ ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

สรุป

PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) เป็นยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ HIV ที่มีประสิทธิภาพสูงเกือบ 100% เมื่อใช้อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ แม้การกินยา PrEP จะมีประสิทธิภาพสูง แต่ แนะนำให้ใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ หากต้องการรับคำปรึกษาก่อนเริ่มใช้ยา PrEP สามารถทำนัด และรับยา PrEP ได้ที่ Z by Zeniq