Hotline: (+66)98 764 7222

การตรวจไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Test)

HEpatitis B thai

การตรวจไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Test) เป็นการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) ซึ่งสามารถทำให้เกิดโรคในตับได้ การตรวจนี้ช่วยระบุสถานะการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อในปัจจุบัน การเคยติดเชื้อในอดีต หรือการมีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน

ประเภทของการตรวจไวรัสตับอักเสบบี

1. การตรวจ Hepatitis B Surface Antigen (HBsAg)

วัตถุประสงค์: ตรวจหาเชื้อไวรัส HBV ในเลือด ซึ่งบ่งชี้ถึงการติดเชื้อในปัจจุบัน มักใช้เพื่อการคัดกรอง หากผลตรวจเป็นบวก หมายถึงผู้ตรวจติดเชื้อในขณะนั้น

2. การตรวจ Hepatitis B Surface Antibody (Anti-HBs)

วัตถุประสงค์: เพื่อตรวจว่าบุคคลมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ ซึ่งอาจได้จากการฉีดวัคซีนหรือการฟื้นตัวจากการติดเชื้อในอดีต มักใช้เพื่อยืนยันภูมิคุ้มกันก่อนทำงานในอุตสาหกรรมที่ต้องการ เช่น งานด้านสุขภาพ หรือตรวจในคนที่มีความเสี่ยงเพื่อประเมิณความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิ

3. การตรวจ Hepatitis B Core Antibody (Anti-HBc)

วัตถุประสงค์: ตรวจหาเชื้อไวรัส HBV ที่เคยเกิดขึ้นหรือยังคงมีอยู่ แต่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน เรื้อรัง หรือเคยติดเชื้อในอดีต มักใช้ร่วมกับ HBsAg และ Anti-HBs เพื่อประเมินสถานะการติดเชื้อให้ครบถ้วนและละเอียด

4. การตรวจ Hepatitis B e-Antigen (HBeAg) และ Hepatitis B DNA

วัตถุประสงค์ในการตรวจไวรัสตับอักเสบบี

  • HBeAg: ตรวจดูการเพิ่มจำนวนของไวรัสในร่างกาย
  • HBV DNA: วัดปริมาณไวรัสในเลือดเพื่อประเมินความรุนแรงของการติดเชื้อ มักแนะนำสำหรับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง เพื่อเฝ้าติดตามโรคและการตอบสนองต่อการรักษา

การตรวจเหล่านี้เป็นการตรวจเฉพาะทาง ซึ่งมักมีให้บริการในโรงพยาบาลขนาดใหญ่หรือห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง มีให้บริการอย่างแพร่หลาย และมักรวมอยู่ในโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีในประเทศไทย และอาจพบได้ทั่วไป โดยเฉพาะก่อนสมัครงาน บางตำแหน่ง หรือในการตรวจสุขภาพก่อนสมรส

ขั้นตอนการตรวจไวรัสตับอักเสบบี

การเตรียมตัว

  • ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือเตรียมตัวเป็นพิเศษก่อนตรวจ เว้นแต่มีการตรวจอื่นร่วมด้วย
  • หากมีโรคประจำตัวหรือทานยาประจำอยู่ ควรแจ้งแพทย์ก่อนการตรวจ

ขั้นตอนการเก็บตัวอย่างเลือด

  1. ใช้เข็มเจาะเลือดจากหลอดเลือดดำบริเวณแขน
  2. บุคลากรทางการแพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่เจาะเลือดก่อนการเก็บตัวอย่าง
  3. หลังจากเจาะเลือดแล้วสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที

หลังการเก็บตัวอย่าง

  • ตัวอย่างเลือดจะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจวิเคราะห์
  • ผลตรวจส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 30นาที จนถึง 1-2 วัน ขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลที่ให้บริการ

การแปลผลการตรวจ

  • HBsAg บวก: แสดงถึงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในปัจจุบัน
  • Anti-HBs บวก: บ่งชี้ว่าผู้ตรวจมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสจากการได้รับวัคซีนหรือจากการหายจากการติดเชื้อในอดีต
  • Anti-HBc บวก: บ่งชี้ถึงการเคยได้รับการติดเชื้อไวรัสในอดีต
  • HBeAg และ HBV DNA บวก: ชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มจำนวนของไวรัสในร่างกาย โดยเฉพาะในกรณีที่ติดเชื้อเรื้อรัง

หากผลการตรวจเบื้องต้นเป็นบวก อาจต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจการทำงานของตับ อัลตราซาวด์ หรือ FibroScan เพื่อประเมินสุขภาพของตับอย่างละเอียด

บริการตรวจไวรัสตับอักเสบบีที่ ZbyZeniq

ที่ Zbyzeniq มีบริการตรวจไวรัสตับอักเสบบี (HBV) ที่ให้ผลรวดเร็ว โดยสามารถทราบผลภายใน 30 นาทีสำหรับการตรวจบางประเภท เช่น การตรวจแบบรวดเร็ว (rapid test) หรือภายใน 1-2 วันในกรณีการตรวจที่ต้องใช้ห้องปฏิบัติการเพื่อความแม่นยำยิ่งขึ้น 

คำแนะนำเพิ่มเติม

หากผลการตรวจพบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี การดูแลติดตามผลเพิ่มเติม เช่น การตรวจการทำงานของตับ หรือการรักษาโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ZByZeniq มีบริการดูแลครบวงจรสำหรับผู้ที่ผลตรวจเป็นบวก เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด