เคยสงสัยไหมว่า “ตุ่มแดงคันๆ” ที่ขึ้นตามร่างกายอาจบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพได้? สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV หนึ่งในอาการที่พบได้คือ “ตุ่ม PPE” (Pruritic Papular Eruption) ซึ่งเป็นภาวะผิวหนังที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
บทความนี้จะช่วยคุณเข้าใจว่า ตุ่ม PPE คืออะไร เกิดจากอะไร
ตุ่ม PPE คืออะไร?
ตุ่ม PPE หรือ Pruritic Papular Eruption คือ ตุ่มนูนแดงที่มักขึ้นในผู้ติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ระยะที่ระดับเซลล์ CD4 ในร่างกายลดลงมากอย่างมีนัยยะสำคัญ
ตุ่ม PPE เกิดขึ้นจากภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถป้องกันตัวเองจากสิ่งกระตุ้น เช่น เชื้อโรค หรือสารระคายเคืองทั่วไปได้ ผลที่ตามมาคือ เกิดการอักเสบที่ผิวหนังและกลายเป็นตุ่มนูน
ถึงแม้ตุ่ม PPE จะดูน่ากังวล แต่เราสามารถดูแลได้ ด้วยการเริ่มต้นการรักษาด้วยยาต้านไวรัสแบบผสมผสาน (cART)
ตุ่ม PPE มีลักษณะและอาการอย่างไร
ตุ่ม PPE มักขึ้นที่บริเวณใบหน้า แขน และขา โดยเฉพาะบริเวณที่ไม่ปกคลุมด้วยเสื้อผ้า ลักษณะเด่น คือ เป็นตุ่มนูนแดงขนาดใหญ่กว่า 5 มม. และมีอาการคันรุนแรง ร่วมกับรังแค ต่อมไขมันอักเสบ และผื่นสะเก็ดหนา เมื่อเกาแผลอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม ทำให้มีหนอง และเมื่อตุ่มหายไปจะทิ้งรอยดำไว้
ตุ่ม PPE ผู้ชายผู้หญิงเหมือนกันไหม
เหมือนกัน เพราะตุ่ม PPE เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ซึ่งสามารถวัดได้จากระดับ CD4 เซลล์ในร่างกาย เมื่อระดับ CD4 ต่ำลง ผู้ติดเชื้อ HIV จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดตุ่ม PPE มากขึ้น โดยไม่คำนึงถึงเพศ
สาเหตุการเกิดตุ่ม PPE
ตุ่ม PPE เกิดขึ้นจากภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ และปัจจัยอื่นๆ ดังนี้
- ระดับ CD4 ต่ำ ผู้ที่มีเชื้อ HIV ในร่างกาย และมีระดับ CD4 ต่ำกว่า 200 เซลล์/มิลลิลิตร มักจะมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงอย่างมาก และมีโอกาสเกิดตุ่ม PPE ได้
- ร่างกายต้านทานสิ่งแปลกปลอมไม่ไหว เมื่อภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ร่างกายจะไม่สามารถต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ได้ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือ แม้แต่สารระคายเคืองทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เกิดปฏิกิริยาอักเสบ เมื่อร่างกายพยายามต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม ก็จะเกิดปฏิกิริยาอักเสบที่ผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มคันขึ้นมา
ตุ่ม PPE อันตรายไหม
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากตุ่ม PPE นั้นค่อนข้างรุนแรง และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้มาก เช่น
- การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน การเกาตุ่มบ่อยครั้งอาจทำให้ผิวหนังเกิดบาดแผล ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายและก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ทำให้แผลหายช้าลง และอาจกลายเป็นแผลเรื้อรัง
- การติดเชื้อรา ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมักมีความเสี่ยงในการติดเชื้อราชนิดต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่อับชื้น เช่น รอยพับของผิวหนัง หรือบริเวณที่สัมผัสกับน้ำบ่อย ๆ การติดเชื้อราอาจทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง และผิวหนังอักเสบมากยิ่งขึ้น
- เกิดแผลเป็นและรอยดำ การเกาตุ่มอย่างรุนแรงและต่อเนื่องอาจทำให้เกิดแผลเป็นและรอยดำตามร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์และจิตใจของผู้ป่วยได้
- ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ในบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่รุนแรงกว่า เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือการเกิดเนื้องอกชนิดต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
หากเป็นแล้ว สามารถหายเองได้ไหม
ตุ่ม PPE ไม่สามารถหายไปเองได้อย่างสมบูรณ์ แต่การรักษาด้วยยาต้านไวรัสแบบผสมผสาน (cART) และการติดตามอาการกับแพทย์เป็นประจำ จะช่วยให้ตุ่ม PPE หายได้เร็วขึ้น และป้องกันการเกิดซ้ำได้ด้วย
วิธีการตรวจหาโรคจากตุ่ม PPE
หากคุณสงสัยว่าตนเองมีอาการของตุ่ม PPE ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยทันที การวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษาและ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งกระบวนการวินิจฉัยโรคตุ่ม PPE โดยทั่วไปประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
- การตรวจร่างกายและสอบถามประวัติ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายเพื่อประเมินลักษณะของตุ่ม รวมถึงสอบถามประวัติทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยง ประวัติการใช้ยาเสพติด และประวัติการติดเชื้ออื่นๆ
- การตรวจหาเชื้อ HIV แพทย์จะทำการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV โดยมีวิธีการตรวจหลายแบบ ได้แก่
- การตรวจหาแอนติเจนของเชื้อ HIV วิธีนี้ตรวจหาโปรตีนของเชื้อ HIV ซึ่งจะปรากฏขึ้นในเลือดเร็วที่สุดหลังจากการติดเชื้อ
- การตรวจหาแอนติบอดีและแอนติเจนของเชื้อ HIV พร้อมกัน วิธีนี้ตรวจหาทั้งโปรตีนและแอนติบอดีของเชื้อ HIV ทำให้ได้ผลตรวจที่แม่นยำและรวดเร็ว
- การตรวจหาแอนติบอดีที่จำเพาะต่อเชื้อ HIV วิธีนี้ตรวจหาแอนติบอดีที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับเชื้อ HIV
- การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ HIV (HIV PCR Test) วิธีนี้ตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ HIV โดยตรง ซึ่งมีความไวสูง ในการตรวจหาเชื้อในระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อ
- การตรวจจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 เมื่อจำนวนเซลล์ CD4 ลดลง ระบบภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงโรคตุ่ม PPE การตรวจจำนวนเซลล์ CD4 จะช่วยประเมินระดับความรุนแรงของการติดเชื้อ HIV และความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน
หากผลการตรวจยืนยันว่าเป็นโรคตุ่ม PPE แพทย์จะทำการวินิจฉัย และให้คำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยาต้านไวรัส เพื่อควบคุมการติดเชื้อ HIV และการดูแลรักษาอาการอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมด้วย
วิธีการรักษาและบรรเทา
ตุ่ม PPE เป็นแล้วหายไหม? การรักษาตุ่ม PPE จะมุ่งเน้นไปที่ทั้งการบรรเทาอาการและการรักษาที่ต้นเหตุ เพื่อควบคุมเชื้อ HIV และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเกา การเกาจะทำให้อาการระคายเคืองรุนแรงขึ้น อาจเกิดแผลเป็น และเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย
- บำรุงผิว ใช้โลชั่นหรือครีมบำรุงผิวที่อ่อนโยน เพื่อป้องกันผิวแห้งและลดอาการคัน
- ยารักษาอาการ แพทย์อาจจ่ายยาแก้แพ้ หรือยาทาแก้คัน เช่น ยาสเตียรอยด์ เพื่อบรรเทาอาการคันและลดการอักเสบ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง และระมัดระวังผลข้างเคียงของยาสเตียรอยด์
- ยาต้านไวรัส (ARV) การรับประทานยา ARV อย่างสม่ำเสมอจะช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อ HIV ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น และลดโอกาสการเกิดตุ่ม PPE ซ้ำ
ตุ่ม PPE ใช้เวลารักษากี่วัน
ตุ่ม PPE ใช้เวลารักษากี่วัน? แม้ว่าการใช้ยาต้านไวรัสจะเป็นส่วนสำคัญในการรักษาตุ่ม PPE แต่ไม่ได้หมายความว่าตุ่มจะหายไปทันที การใช้ยาต้านไวรัสจะช่วยควบคุมปริมาณเชื้อ HIV ในร่างกาย และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตุ่มหายไปในที่สุด
การป้องกันตุ่ม PPE
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์แบบใดก็ตาม
- ไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจเป็นพาหะนำเชื้อเอชไอวีได้
- ตรวจเลือดก่อนแต่งงานหรือวางแผนมีบุตร เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยของทั้งคู่และลูก
สรุป
ตุ่ม PPE เป็นอาการที่พบได้ในผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งสามารถจัดการได้ด้วยการดูแลตัวเองและรักษาอย่างเหมาะสม การเข้าใจอาการและรับคำปรึกษาจากแพทย์จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดีขึ้น และใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ
ที่ Z by Zeniq คือคลินิกสุขภาพทางเพศ รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างครอบคลุมและเป็นความลับ เรามีแพทย์เวชศาสตร์ทางเพศพร้อมให้บริการ ทั้งการตรวจวินิจฉัย และให้คำปรึกษาอย่างละเอียด ในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว ปลอดภัย และไม่ตัดสิน คุณสามารถนัดหมายได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือโทรมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย